สุขภาพดี เริ่มต้นจากการขยับวันละนิด! ช่วงนี้สถานการณ์เศรษฐกิจไม่ค่อยดี คนทำงานหลายคน แทบไม่มีเวลาดูแลตัวเอง เพราะต้องทุ่มให้กับการทำงาน จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเวลามาออกกำลังกาย แม้จะรู้ดีว่า การออกไปวิ่ง หรือเล่นกีฬา จะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น พร้อมช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่า ออกกำลังกายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ยิ่งปล่อยไว้นานไม่ยอมดูแลตัวเอง สุขภาพจะค่อยๆ เสื่อมลง ทั้งนี้ ยังเพิ่มความเสี่ยงให้คุณป่วยง่ายขึ้นด้วย ดังนั้น จะดีกว่าไหมหากวางแผนการออกกำลังกายได้ถูกต้อง ถ้าอยากรู้ว่า ต้องทำแบบไหน ตามมาดูกันเลย
ออกกำลังกายวันละ 30 นาที
ในหนึ่งวันเรามีเวลา 24 ชั่วโมง ขอเพียงวันละ 30 นาที ในการออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้สุขภาพแข็งแรง จะเป็นเวลาไหนก็ได้ เอาที่คุณสะดวกและสามารถทำได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าหรือหลังเลิกงาน ขอเพียงความสม่ำเสมอ และไม่ล้มเลิกง่ายๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ยิ่งใครที่มีปัญหาการนอนหลับ แนะนำให้ออกกำลังกายช่วงบ่าย จะช่วยให้ผ่อนคลายและหลับสบายมากขึ้น โดยการออกกำลังกาย ต้องมีการวางแผนที่เหมาะสม ไม่หักโหมจนเกินไป สัปดาห์ละ 5 ครั้ง อีกทั้งองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ออกกำลังกายระดับปานกลางอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที หรือวันละ 30 นาที และเลือกเวลาที่สามารถออกกำลังกาย ได้อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง

หาแรงจูงใจในการออกกำลังกาย
ความยากที่สุดของการออกกำลังกาย คือ ตอนเริ่มต้น! หากไม่ได้ออกกำลังกาย มาเป็นเวลานาน กว่าจะสลัดความขี้เกียจและเตรียมความพร้อมแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่ยากมาก จากงานวิจัยพบว่า คนที่เริ่มออกกำลังกายจะหยุดเล่นมากที่สุดในช่วง 2 เดือนแรก และเมื่อครบ 6 เดือน จะหยุดออกกำลังกายประมาณ 50% เรียกได้ว่า เกินครึ่งเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็มีปัจจัยที่ส่งผลต่อการออกกำลังกายในหลายๆ ด้าน ใครที่ไม่ชอบออกกำลังกาย ควรหาแรงจูงใจในการดูแลตัวเองด่วนๆ โดยแรงกระตุ้นที่จะทำให้คนอยากออกกำลังกาย มีดังนี้
- กลุ่มเพื่อนฝูงที่ออกกำลังด้วยกันเป็นประจำ
- อยากพัฒนาทักษะเพื่อแข่งขันกัน จะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ผู้ออกกำลังกายพยายามฝึกฝนพัฒนาตนเองเพิ่มเติม
- ตั้งเป้าหมายเรื่องการลดน้ำหนัก
- อยากวิ่งให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจ
- มีเป้าหมายเพื่อสุขภาพ เช่น อยากลดปริมาณน้ำตาล หรือไขมันในเลือดเป็นต้น
หลายคนทราบดีว่า การออกกำลังกาย ต้องทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ มีการวางแผนรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสม ไม่หักโหมจนร่างกายเกิดการบาดเจ็บ อีกทั้งต้องคำนึงถึงความเหมาะสม เพื่อส่งผลดีต่อร่างกายมากที่สุด เราเลยขอนำเทคนิคการออกกำลังกายให้ถูกต้อง มาแชร์กัน
1.เลือกวิธีการออกกำลังกาย
ความชอบแต่ละคนแตกต่างกัน การเลือกออกกำลังกาย จึงเปลี่ยนแปลงตามความชอบ และปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตได้ บางคนมีเพื่อนเยอะทำให้มีแรงกระตุ้นในการทำกิจกรรมบางอย่าง หรือออกกำลังกายที่เป็นกลุ่มได้ หรือบางคนชอบอยู่คนเดียว อาจเลือกออกกำลังกายที่ฟิตเนส หรือกลับมาเปิดคลิปวิดีโอที่บ้าน ส่วนใครที่มีโรคประจำตัว หรือไม่สามารถออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์อันตรายได้ เช่น บางคนมีปัญหาเรื่องความดันโลหิต แต่ไปยกของหนัก หรือเวทเทรนนิ่งเกินกำลัง อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเจ็บป่วยได้
2.ประเมินร่างกายเสมอ
ทริคการออกกำลังกายให้มีประสิทธิภาพ คุณควรมีนาฬิกาอัจฉริยะ คอยเช็กอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อช่วยในการประเมินความก้าวหน้าในการออกกำลังกาย หรือประเมินระดับความหนักของการออกกำลังกาย
– โดยระดับเบา จะดูได้จากผู้ที่ออกกำลังกายสามารถร้องเพลงได้ในขณะที่ออกกำลังกาย
– ส่วนระดับปานกลาง คือ ผู้ออกกำลังกายยังสามารถพูดได้แต่ไม่สามารถร้องเพลงได้ในขณะที่มีการออกกำลังกาย
– ส่วนในระดับหนัก คือ การออกกำลังกายที่ผู้ออกกำลังกายไม่สามารถพูดได้ในขณะที่มีการออกกำลังกาย เป็นต้น

3.กำหนดเวลาให้ชัดเจน
จะออกกำลังกายให้ได้ประสิทธิภาพ ต้องกำหนดเวลาให้ชัดเจน จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ คุณควรออกกำลังกายต่อเนื่องอยู่ระหว่าง 30-45 นาที ขึ้นอยู่กับความหนักของการออกกำลังกาย แต่หากเป็นการออกในระดับหนักมาก ต้องออกกำลังกายต่อเนื่อง 30 นาทีขึ้นไป แต่ถ้าเป็นปานกลางจะอยู่ที่ 45 นาที ดังนั้น จะเลือกออกแบบไหน ต้องพิจารณาความเหมาะสมของร่างกายให้ดี เพื่อช่วยให้สุขภาพของคุณแข็งแรง และไม่เป็นการทำร้ายร่างกายจนเกินไปนั่นเอง
4.ความถี่ในการออกกำลังกาย
หลายคนสงสัยว่า ควรออกกำลังกายมากน้อยเพียงใด? คำแนะนำ คือ ให้ออกกำลังกายตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป อย่างน้อย 3-5 วัน ตอสัปดาห์จนถึงทุกวัน และต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีขาดหรือเกิน และถ้าหากเลือกออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ควรมีการพัก 1-2 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้มีการพักผ่อนส่วนของร่างกายที่ใช้งานมาก ในกรณีการวิ่ง คือ ขาและเท้า เป็นต้น เพื่อเป็นการป้องกันการบาดเจ็บที่เกิดจากการใช้งานส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากเกินไป ข้อนี้ถือว่าสำคัญ เพราะหลายคนตกม้าตาย เพราะล้มเลิกไม่ยอมทำตามตารางที่วางไว้นั่นเอง
5.พักผ่อนให้เพียงพอ
การออกกำลังกายจะไม่เกิดประโยชน์เลย หากคุณไม่ได้ใส่ใจการนอนของตัวเองให้ดีพอ หลายคนคิดว่า พอออกกำลังกายแล้ว จะทำอะไรก็ได้ เช่น นอนดึก ตื่นสาย หรือกินอาหารไม่เป็นเวลา ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ จะทำให้สุขภาพทรุดโทรมลง และทำให้คุณออกกำลังกายได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งยังเป็นการทำร้ายสุขภาพทางอ้อมอีกด้วย ดังนั้น ต้องนอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง พร้อมปรับอารมณ์และจิตใจให้แจ่มใส มองโลกในแง่บวก จะช่วยให้คุณมีชีวิตชีวา และอยากออกกำลังกายมากขึ้น หรือใครจะชวนเพื่อน หรือคนรักมาทำกิจกรรมด้วยกัน ก็ถือว่าดีต่อใจมาก

ออกกำลังกายอย่างพอดี
ข้อสำคัญที่หลายคนมองข้าม เมื่อปรับตัวในการออกกำลังกายได้แล้ว ก็มักจะมีการทุ่มเทหรือหักโหมมากเกินไป ทำให้เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ หากไม่ไหวก็ไม่ควรฝืนออกกำลังกาย จงให้เวลากับร่างกายของตัวเอง หากคุณยิ่งเร่ง เป้าหมายที่ตั้งใจก็จะห่างออกไปเรื่อยๆ ลองคิดในแง่ร้าย หากคุณเกิดความผิดพลาดแล้วบาดเจ็บขึ้นมา คราวนี้คุณไม่ได้ออกกำลังกายแบบยาวๆ กว่าจะกลับมาอยากออกอีกก็ใช้เวลานานมาก ดังนั้น ออกกำลังกายด้วยความพอดี แต่ยังคงสม่ำเสมอ และไม่ลืมที่จะดูแลตัวเอง ทั้งเรื่องการกินและการนอนให้เป็นเวลา
สำหรับใครที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย อาจเพราะความขี้เกียจ หรือไม่มีเวลามากนัก ควรวางแผนในการออกกำลังกายได้แล้ว นับตั้งแต่วันนี้ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า โรคร้ายจะมาเยือนเราเมื่อไหร่ ยิ่งสถานการณ์โควิดยังไม่ดี เราควรสร้างเกราะป้องกันให้ร่างกาย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการรับไวรัสเข้ามา อีกทั้งควรหาเวลาในขยับร่างกาย แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่อย่างนอนก็ช่วยให้ร่างกายได้ขยับมากขึ้น ดีกว่านั่งทำงานในท่าทางที่ผิดเป็นเวลานานๆ จำไว้เลยว่า ยิ่งขยับ สุขภาพก็ยิ่งดีมากขึ้น อย่าปล่อยให้ร่างกายถูกทำร้าย มาออกกำลังกายกันเถอะ!
เมื่อวางแผนจะกลับมาออกกำลังกายได้แล้ว มาอัพเกรดเกราะป้องกันร่างกายให้ดียิ่งขึ้น ด้วย STC Plus อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ มีส่วนผสมของพลูขาว กระชายขาว ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย ชะลอความเสื่อมโทรม ซ่อมแซมเซลล์จากภายใน ช่วยให้ร่างกายกลับมาสดชื่น หลังจากออกกำลังกาย พร้อมช่วยแก้ปัญหาการนอนไม่หลับ และกระตุ้นการทำงานของระบบภายในให้กลับมาปกติ ยิ่งออกกำลังกายด้วย ทาน STC Plus ด้วย รับรองสุขภาพแข็งแรง วิ่งได้ไม่กลัวแก่ชัวร์!